== Charlie’s Country (2013) ..แผ่นดินแม่.. แผ่นดินของเรา…. == –
== Charlie's Country (2013) ..แผ่นดินแม่.. แผ่นดินของเรา.... == - เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา ผมเห็นข่าวชิ้นนึงเรื่องที่สมาชิกวุฒิสภาของออสเตรเลียชื่อว่า ลิเดีย ธอร์ป== Charlie's Country (2013) ..แผ่นดินแม่.. แผ่นดินของเรา.... == - ซึ่งเธอมีเชื้อสายอะบอริจินหรือชนพื้นเมืองดั้งเดิมของแผ่นดินนี้ ได้เรียกร้องความในใจของเธอต่อหน้าพระพักตร์สมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่สามแห่งสหราชอาณาจักร== Charlie's Country (2013) ..แผ่นดินแม่.. แผ่นดินของเรา.... == - ขณะที่พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสต่อรัฐสภาออสเตรเลีย ที่กรุงแคนเบอร์ร่าก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพาตัวออกไป ..ลิเดีย ธอร์ปเป็น 1 ในนักการเมืองที่ต่อสู้เพื่อสิทธิและศักดิ์ศรีของชาวพื้นเมืองมาโดยตลอดแม้ทางออสเตรเลียจะให้สิทธิต่างๆมากมาย แต่สุดท้ายก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าชาวอะบอริจินปัจจุบันเป็นแค่คนชายขอบของชาติเท่านั้น..และนั่นทำให้ผมนึกถึงหนังเรื่องนึงที่ผมเคยดูขึ้นมา... Charlie's Countryชาร์ลี ชายชาวอะบอริจิน ชนพื้นเมืองในดินแดนออสเตรเลียอาศัยอยู่ในตอนเหนือสุดของประเทศเขาใช้ชีวิตเรียบง่ายในชุมชนชาวพื้นเมืองที่อยู่รวมกัน ภายใต้กฎหมายและความดูแลของเจ้าหน้าที่รัฐบาลออสเตรเลีย ..ถึงแม้ว่าชีวิตของเขาจะเรียบง่าย ไม่มีอะไรมากนัก แต่ในใจของชาร์ลีคิดอยู่เสมอว่านี่ไม่ใช่ที่ของเขาอีกต่อไปเขาคร่ำครวญถึงการสูญเสียวัฒนธรรมดั้งเดิมของเขาไปกับออสเตรเลียในยุคใหม่ซึ่งแม้กระทั่งหอกไม้ที่ใช้ในการล่าสัตว์ของเขา ก็ยังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจริบเอาไป ด้วยเหตุผลที่ว่ามันคืออาวุธร้ายแรง...เหมือนเป็นฟางเส้นสุดท้ายเขารู้สึกโดดเดี่ยวพลัดพรากจากชุมชนบรรพบุรุษที่จากไปนานโลกแบบนี้ชาร์ลีไม่ต้องการอยู่อีกต่อไปแล้ว เขาจึงตัดสินใจออกจากชุมชนชาวอะบอริจินในเมืองและกลับไปยังในป่าห่างไกลจากผู้คน ซึ่งชาร์ลีเชื่อว่านั่นล่ะ คือแผ่นดินแม่ที่เขาถวิลหาชาร์ลี ใข้ชีวิตแบบชาวเผ่าดั้งเดิมอีกครั้งคนเดียว สร้างบ้านด้วยต้นไม้กิ่งไม้ จับปลา หาอาหารทำทุกอย่างคนเดียวซึ่งถึงแม้ว่าจะลำบาก แต่ชาร์ลีก็มีความสุข เพราะที่นี่เขาได้เป็นอิสระอย่างแท้จริงแต่ทว่าในป่านั่นเอง อาการป่วยของชาร์ลีกำเริบหนัก จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่อุทยานมาพบชาร์ลี จึงจำเป็นต้องกลับสู่เมืองอีกครั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ....Charlie's Country ของผู้กำกับ Rolf de Heer สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างคนผิวขาวกับชาวอะบอริจินในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 และวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวอะบอริจินก่อนการตั้งถิ่นฐานของคนผิวขาวที่เกรงว่ากำลังจะสูญสลายไปในไม้ช้าตามการมาของโลกทุนนิยมในปัจจุบันปัจจุบันนั้นคาดกันว่า ชาเผ่าอะบอริจิน มีประชากรราว 7 แสนคน คิดเป็นจำนวน 3% ของประชากรทั้งหมดในออสเตรเลียแน่นอนว่าพวกเขาคือเจ้าถิ่นของดินแดนนี้ก่อนการมาเยือนของคนผิวขาวในยุคอาณานิคมในช่วงครึ่งแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีความพยายามที่จะเปลี่ยนชาวอะบอริจินให้ “เจริญ” ขึ้นด้วยการให้หันมานับถือศาสนาคริสต์ มีการก่อตั้งโรงเรียนและสำนักสอนศาสนามากมาย แต่ปรากฏว่าไม่ประสบความสำเร็จเพราะชาวอะบอริจินหากไม่หนี ก็ต่อต้านท่ามกลางลัทธิเหยียดผิว และเพื่อป้องกันการเกิดแบบลูกครึ่ง จึงมีนโยบายแยกชาวอะบอริจินแท้ๆ ไปอยู่ในพื้นที่อนุรักษ์ส่วนเด็กลูกครึ่งหรือเด็กที่ผิวขาวกว่าชาวอะบอริจินแท้ๆ จะถูกพรากจากครอบครัวไปเลี้ยงดูในสถาบันต่างๆเช่น…